วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563

ความเชื่อ


ความเชื่อ


    เวทมนตร์คาถา


          ในเรื่องเสือโคคำฉันท์มีความเชื่อในเรื่องเวทมนตร์คาถา ในตอนที่ว่าพระฤาษีเสกให้ลูกเสือกับลูกโคเป็นคนทั้งสองตัว
       ความหมายของคาถา และ เวทมนตร์คาถา ความหมายของคำว่า “คาถา” พระคาถา และวิชาอาคมในความหมายของคนปัจจุบัน คือการใช้คาถาให้มีความศักดิ์สิทธิ์ โดยการภาวนาเพื่อสร้างกระแสจิต บทคาถาต่าง ๆ ทั้ง คาถาชินบัญชร คาถาทางเมตตามหานิยม คาถาทางคงกระพันชาตรี คาถาแคล้วคลาด คาถาแผ่ส่วนกุศล คาถาแผ่เมตตา คาถากันของไม่ดี หัวใจพระคาถาต่างๆ คาถาบูชาเทพเจ้า คาถาบูชาพระพุทธรูปต่างๆ




แหล่งที่มา : https://699pic.com/tupian-401095741.html

ซึ่งคาถาต่าง ๆ เป็นคาถาที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ สมัยก่อนคนจะใช้คาถาต่าง ๆ ได้สัมฤทธิผลกันมากเนื่องจากมีความเชื่อความศรัทธาและสัจจะเป็นสำคัญ ส่วนการท่องหรือตัวอักษรอักขระการออกเสียงต่าง ๆ อาจจะมีแตกต่างกันไปบ้าง ส่วนสำคัญอยู่ที่ความมั่นใจและตั้งมั่นมากกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่ บทสวดมนต์ต่าง ๆ การออกเสียงในส่วนของภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน ก็ต่างกันแล้ว แต่ทำไมถึงมีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันล่ะ ก็เพราะความตั้งมั่น ไม่สงสัยในครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนมานั่นเอง

แหล่งที่มา : https://pantip.com/topic/37654001


เวทมนต์คาถาใด ๆ ก็ตามถ้าหากว่าเราจะต้องท่องให้จำได้ ก็จะต้องทำใจให้บริสุทธิ์ อาบน้ำชำระล้างสิ่งโสโครกให้สะอาดเสียก่อน แล้วก็นำดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระ แล้วก็ระลึกเป็นการขอพรบารมี ให้ท่องได้ง่ายจำได้แม่น แล้วก็กราบตำรานั้น 3 ครั้ง ต่อจากนั้นก็เปิดขึ้นมาท่องจำ หนังสือนั้นอย่าเหยียบอย่าข้าม อย่านั่งทับหรือนอนทับ ขณะท่องอย่านอนหลับให้หนังสือทับคาอก จะทำให้ปัญญาเสื่อม


เมื่อจะท่องหรือจะใช้พระคาถาใด ๆ ทุก ๆ พระคาถา จะต้องตั้ง นะโม 3 จบก่อน

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

        เมื่อเข้าใจว่าการใช้คาถาเป็นองค์ภาวนาเพื่อสร้างกระแสจิต ในตนสร้างความเชื่อมั่น และโน้มน้าวจิตตามวัตถุประสงค์ แล้วก้ตั้งจิตให้มั่นภาวนาคาถาได้ตามต้องการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะหวังพึ่งคาถาอย่างเดียวคงไม่ได้ หากใจเราต้องบริสุทธิ์ คิดดี ทำดีละเว้นความชั่วไม่เบียดเบียนผู้อื่น ก็จะยิ่งส่งผลให้พระคาถาที่ท่องบำเพ็ญภาวนาสำเร็จไปได้ด้วยดี 


ความเป็นมาของคาถา


       พระคาถาหรือคาถา เป็นวิชาอาคมที่ใช้ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ โดยมี "คาถา" เป็นองค์ภาวนาเพื่อสร้างกระแสจิต แพร่หลายเป็นอย่างมากเมื่อครั้งสมัยพุทธกาลพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ก่อนที่จะเกิดการสังคายนาพระพุทธศาสนาครั้งที่ 3 (ตติยสังคายนา)  และต่อมาศาสนาพุทธกับพราหมณ์ในอินเดียได้ผสมผสานกันมา จนเกิดมีลัทธิ พุทธตันตระ (ลัทธิพุทธศาสนาอันเกี่ยวกับการใช้คาถา-อาคมพระคาถา) เกิดขึ้น อีกลัทธิหนึ่ง


ศาสนาพราหมณ์ในขณะนั้น มีความมั่นคงเลื่อมใสในลัทธิไสยศาสตร์มาก มีการใช้เวทมนตร์ "คาถา" เป่าพ่นปลุกเสกและลงเลขยันต์ ประกอบ อาถรรพ์ต่าง ๆ แม้ในทางพระพุทธศาสนาก็ใช่ว่าจะปฏิเสธเสียทีเดียว เพราะพระพุทธศาสนาเองก็ยังมีคุณอัศจรรย์ ที่จัดเป็น ปาฏิหาริย์ไว้ 2 อย่าง คือ


1. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คำสอนที่เป็นอัศจรรย์


2. อิทธิปาฏิหาริย์ ฤทธิ์ที่เป็นอัศจรรย์


       การใช้เวทมนตร์คาถานั้น ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็อยู่ที่ดวงจิตสำรวมเป็นสมาธิ และสมาธินี้ท่านจัดบนฐาน แห่งวิปัสสนาญาณถึงแม้หาก ว่าปุถุชนเราจะบรรลุได้อย่างสูงไม่เกินฌานสมาบัติก็ตามกระนั้นก็สามารถที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์ ได้ตามภูมิของตน เช่น พระเทวทัตต์หนแรกที่เธอได้รูปฌาน เธอก็ยังสามารถบิดเบือน แปลงกายกระทำอวด ให้อชาตศัตรูกุมารหลงใหลเลื่อมใสได้




เพื่อผลในทางอิทธิปาฏิหาริย์ที่ตนมุ่งหวังปรารถนา พระคาถาและการทำสมาธิแบบนี้ ได้แพร่หลายมากขึ้น ได้เกิดมีคณาจารย์มุ่งสั่งสอนเวทมนตร์กัน และได้ดัดแปลงแก้ไขวิธีการทางไสยศาสตร์ ของพราหมณ์มาใช้ โดยคัดตัดตอนเอาเนื้อมนต์ของพราหมณ์นั้นออกเสีย บรรจุพระพุทธมนต์แทรกเข้าไปแทน เพราะมาคิดเห็นกันว่ามนต์พราหมณ์ยังเรืองอานุภาพถึงอย่างนี้ ถ้าหากว่า เป็นพุทธมนต์ คงจะยิ่งกว่าเป็นแน่



แหล่งที่มา 

https://www.sanook.com/horoscope/67933/


การชุบชีวิต


       ในเรื่องเสือโคคำฉันท์มีความเชื่อในเรื่องการชุบชีวิต ในตอนที่ว่าพหลวิชัยได้ตามหาคาวี แล้วช่วยแก้ให้ฟื้นคืนชีพได้แล้วพาเข้าเมืองพันธพิสัยเพื่อตามหานางจันทร์สุดา


“สัญชีวนี” ความเชื่อที่ยังหายใจในอินเดีย



        พิธีสัญชีวนี คือ พิธีชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพ โดยการนำดวงจิตของผู้ตายกลับเข้ากายหยาบ ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีการยืนยันว่าพิธีนี้มีอยู่จริง นอกจากนั้นคำว่า สัญชีวนี ยังหมายถึงกลุ่มตัวยาสมุนไพรชนิดหนึ่งของอารยันโบราณ และมีความเชื่อว่าเป็นมนตราที่พระศิวะมอบให้พระฤๅษีศุกราจารย์ (พระศุกร์) ใช้ชุบชีวิตเหล่าอสูร อีกทั้งยังปรากฏในนิทานเวตาลด้วย

        ตามเนื้อเรื่องของรามายณะ เมื่อครั้งที่พระลักษมณ์ (น้องชายของพระราม) ถูกอาวุธของอินทรชิตจนบาดเจ็บสาหัส หนุมานไปยังเขาสรรพยาเพื่อหาสมุนไพร “สัญชีวนี” แต่เพราะไม่รู้จักจึงนำเขาทั้งลูกมายังสนามรบ เพียงแค่ลมพัดผ่านสมุนไพรเท่านั้น พระลักษมณ์ก็ฟื้นคืนกลับมา

แหล่งที่มา : https://pantip.com/topic/38916009


        เมื่อปี 2559 รัฐบาลท้องถิ่นรัฐอุตตราขัณฑ์ทางตอนเหนือของอินเดียได้ตั้งคณะกรรมการค้นหาและวิจัยสัญชีวนี ซึ่งอ้างว่าสมุนไพรชนิดนี้มีการใช้ในอินเดียมานานนับพันปีและมีหลายสายพันธุ์ ผู้คนยังมีความเชื่อว่า มฤตสัญชีวนี เป็นสายพันธุ์ที่ใช้รักษาพระลักษมณ์ แต่ก็ไม่เคยมีผู้ใดยืนยันว่ามีอยู่จริงหรือเป็นเพียงเรื่องในตำนาน




แหล่งที่มา 

ความซื่อสัตย์


         ในเรื่องเสือโคคำฉันท์มีความเชื่อในเรื่องความซื่อสัตย์ ในตอนที่นางจันทร์สุดามีพระวรกายร้อนเนื่องมาจากอำนาจของความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีของนางจันทร์สุดาที่มีต่อคาวีทำให้ท้าวยศภูมิไม่อาจเข้าใกล้ได้และรอดพ้นจากการล่วงเกินใด ๆ 

      ความซื่อสัตย์ หมายถึง แง่มุมหนึ่งของศีลธรรม แสดงถึงคุณลักษณะทางบวกและคุณธรรม อาทิ ความซื่อสัตย์สุจริต ความจริงใจ และความตรงไปตรงมา พร้อมด้วยความประพฤติตรง ตลอดจนการงดเว้นการโกหก การคดโกง หรือการลักขโมย เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น ความซื่อสัตย์ยังหมายถึงความน่าไว้วางใจ ความภักดี ความเป็นธรรมและความบริสุทธิ์ใจอีกด้วย



แหล่งที่มา : http://piyapong12.blogspot.com/p/10.html?m=0



ยักษ์



           ในเรื่องเสือโคคำฉันท์มีความเชื่อในเรื่องยักษ์ ในตอนที่ว่าพหลวิชัยและคาวีกราบลาพระฤาษีเพื่อไปยังเมืองจันทบูรนครคาวีได้เจอกับยักษ์และทำการต่อสู้กัน คาวีฆ่ายักษ์ได้สำเร็จ



ยักษ์ เป็นอมนุษย์ชนิดหนึ่งที่มีกล่าวถึงทั้งในทางศาสนาและวรรณคดี ยักษ์ในความเชื่อของไทยมักได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ ในขณะที่ความเชื่อในบริเวณอื่น ๆ ของโลกก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอมนุษย์ที่มีร่างกายใหญ่โต ชอบของสดคาว ซึ่งเทียบได้กับยักษ์ในความเชื่อของคนไทยเช่นกัน



แหล่งที่มา : https://talk.mthai.com/pr/452638.html


ยักษ์ในความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์และพุทธ

        ยักษ์ จะมีหลายระดับขึ้นกับบุญบารมี ยักษ์ชั้นสูง จะมีวิมานเป็นทอง มีรูปร่างสวยงาม มีเครื่องประดับ มีรัศมี แต่ผิวจะดำ ดำอมเขียว อมเหลือง ดำแดงก็มี แต่ว่าดำเนียน มีอาหารทิพย์ มีบริวารคอยรับใช้ ปกติไม่เห็นเขี้ยว เวลาโกรธจึงจะมีเขี้ยวงอกออกมา ยักษ์ชั้นกลาง ส่วนใหญ่จะเป็นบริวารคอยรับใช้ของยักษ์ชั้นสูง ส่วนยักษ์ชั้นต่ำที่บุญน้อยก็จะมีรูปร่างน่าเกลียด ผมหยิก ตัวดำ ตาโปน ผิวหยาบ เหมือนกระดาษทราย นิสัยดุร้าย

ยักษ์เกิดได้ 3 แบบ คือ

เกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที
เกิดแบบชลาพุชะ เกิดในครรภ์
เกิดแบบสังเสทชะ เกิดในเหงื่อไคล
ที่อยู่ของยักษ์ มักอยู่ตามถ้ำ ตามเขา ในน้ำ ในดิน พื้นมนุษย์ ในอากาศ และมีวิมานอยู่ที่เขาสิเนรุในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกยักษ์จะอยู่ในการปกครองของท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวรมหาราชผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศเหนือ เหตุที่มาเกิดเป็นยักษ์เพราะทำบุญเจือด้วยความโกรธ มักหงุดหงิดรำคาญใจ





แหล่งที่มา : https://www.matichonweekly.com/scoop/article_8549








แหล่งที่มา


การอยู่ยงคงกระพัน

      ในเรื่องเสือโคคำฉันท์มีความเชื่อในเรื่องการอยู่ยงคงกระพัน ในตอนที่พระฤาษีนำหัวใจของพระหลวิชัยกับคาวีใส่ลงไปในพระขรรค์เพื่อความอยู่ยงคงกระพัน



คงกระพัน เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่ง สันนิษฐานว่า มีที่มาจากคำว่า "กระบัล" ในภาษามลายู แปลว่า "คงทนต่อศัสตราวุธ" ดังที่มีสำนวนว่า "อยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า" วิชาคงกระพันชาตรีจึงหมายถึง "วิชาที่ทำให้ร่างกายสามารถทนทานต่อคมอาวุธทั้งหลายได้" สมัยโบราณเป็นวิชาที่ชายไทยเล่าเรียนกันมาก เนื่องจากต้องมีหน้าที่เป็นทหารออกรบป้องกันราชอาณาจักร และการรบในสมัยโบราณเป็นการรบแบบประชิดตัว จึงจำเป็นต้องเล่าเรียนคาถาอาคมที่จะช่วยปกป้องตนเองให้ปลอดภัยจากคมหอกคมดาบ ความเชื่อเรื่องอยู่ยงคงกระพันของไทยโบราณมีหลายวิธี อาทิ พกพาเครื่องราง บริกรรมคาถาอาคม สักยันต์ เสกอาหารกิน เสกน้ำมันทาตัว เป็นต้น






คงกระพันจะต่างจากชาตรี กล่าวคือ คงกระพันจะเป็นการทำให้เนื้อหนังร่างกายคงทนต่ออาวุธตลอดจนวัตถุต่างๆ ที่มาทำร้าย แต่หากอาวุธนั้นมีอันตรายมากหรือมีน้ำหนักมากก็อาจทำให้เจ็บปวดสาหัสหรืออวัยวะภายในบอบช้ำได้ ส่วนชาตรีจะเป็นวิชาที่ป้องกันคมอาวุธด้วย และทำให้ผู้ถูกทำร้ายไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด เป็นวิชาที่ทำให้ตัวเบาและวัตถุสิ่งของที่มากระทบตัวเบาไปหมด แม้เป็นของแข็งอย่างหินทุ่มมาทำร้ายก็เชื่อว่าจะรู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยหมอนนุ่นเท่านั้น วิชาในหมวดชาตรีที่รู้จักกันดีคือ วิชาเก้าเฮ ของสำนักวัดพระญาติการาม อยุธยา ซึ่งใช้นิ้วมือชักยันต์ลงไปบนส่วนต่างๆ ของร่างกาย วิชาในหมวดเดียวกับคงกระพันคือ ชาตรี แคล้วคลาด และ มหาอุด ซึ่งเป็นการใช้อำนาจทางจิตในวิธีต่างๆ เพื่อป้องกันอันตรายจากศัสตราวุธ



แหล่งที่มา

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น